นายบุญมา ทองเต็ม อายุ 72 ปี และน.ส.วรัญญา สุขเสริม อายุ 68 ปี ทั้งสองคนเป็นเพื่อนบ้านกัน ซึ่งปกติ นายบุญมา กับ น.ส.วรัญญา เป็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุบลราชธานี

แต่อยู่ดีๆ ทั้งสองคนนี้ กลับไปมีชื่อลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต โดยชื่อของ นายบุญมา ไปปรากฎอยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 อ.ระงู จังหวัดสตูล

ส่วน น.ส.วรัญญา ถูกลงทะเบียนไปเลือกตั้งที่เขต 3 อ.ปัว จ.น่าน ทำเอาทั้งสองคนถึงกับงง เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ไม่เคยย้ายไปไหนมาก่อนเลย

เลือกตั้ง 2566 : เช็กหน่วยเลือกตั้ง – ตรวจสอบสิทธิเลือกตั้ง ง่ายๆ ไม่กี่คลิก!

เลือกตั้ง 2566 : กกต.เตรียมพร้อม! รับมือทุจริตเลือกตั้ง 2566

น.ส.วรัญญา บอกว่า ที่ผ่านมาเธอก็มีสิทธิลงคะแนน และเลือกตั้งอยู่ในหน่วยเลือกตั้งวัดป่าแสนอุดม เขตเลือกตั้งที่ 1 มาตั้งแต่อายุ 20 ปี ไม่เคยขอลงทะเบียนนอกเขต หรือ ย้ายที่อยู่ไปไหน แต่อยู่ ๆ ก็มีเอกสารจากจากสำนักทะเบียนเทศบาลนครอุบลราชธานี แจ้งว่า เป็นผู้มีชื่อลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด โดยให้ไปเลือกตั้งที่จังหวัดน่าน ก็ตกใจมาก

และจากเหตุการณ์นี้ ก็ให้เธอต้องเสียสิทธิเลือกตั้ง เพราะคงไม่สามารถเดินทางไปลงคะแนนได้ เพราะอยู่ไกลจากที่อยู่จังหวัดอุบลราชธานีมาก

ทีมข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ไปทาง กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ชี้แจงว่าให้ นายบุญมา และนางสาววรัญญา แจ้งกับเจ้าหน้าที่เทศบาลที่ชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ว่ามีเหตุขัดข้องไม่สามารถไปลงคะแนนได้ จะได้ไม่เป็นผู้ที่เสียสิทธิ์ที่ไม่ไปเลือกตั้ง แต่การจะทำให้กลับมามีสิทธิเลือกตั้ง เหมือนเดิมในวันที่ 14 พ.ค.นั้นคงไม่ได้ เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดเจน การยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงกรณีมีการลงทะเบียนไปแล้ว ต้องแจงยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงภายใน 30 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งเลยกำหนดมาแล้ว ยกเว้นแต่จะขออำนาจศาล พิจารณาคืนสิทธิ์ให้เลือกตั้งที่เดิม

ส่วนสาเหตุเชื่อว่ามาจากมีคนนำข้อมูลของทั้งสองคนไปลงทะเบียนให้ แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร เพราะการตรวจสอบสำนักทะเบียนเทศบาล ก็ยืนยันมีการลงทะเบียนถูกต้องทั้ง 3 ส่วน คือ ข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลทะเบียนบ้าน และข้อมูลส่วนตัว จึงไม่น่าจะเกิดจากข้อผิดพลาด

เรื่องที่เกิดขึ้นมีข้อสงสัยหลายอย่าง ประเด็นแรก ถ้าทั้งสองคนบอกว่า ไม่ได้เป็นคนลงทะเบียนเอง เป็นไปได้หรือไม่ที่อาจมีการสวมบัตรประชาชน แต่เมื่อตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ก็พบว่ามีเพียงคนเดียว ไม่ได้มีชื่อซ้ำ หรือ สวมบัตร

เมื่อข้อมูลที่ตรวจสอบไม่ได้มีการสวมบัตรประชาชน ก็มีข้อสงสัยว่าถ้าอย่างนั้น ใครเป็นคนเอาข้อมูลของทั้งสองคนไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า ตรงนี้ทาง กกต.สามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ทาง กกต.ก็ชี้แจงว่าไม่มีสิทธิจะเข้าไปล้วงข้อมูลว่าใครเป็นคนลงทะเบียน แต่หากผู้เสียหายต้องการตรวจสอบ ต้องแจ้งตำรวจไซเบอร์ ซึ่งทางผู้เสียหายมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก จึงไม่ได้ดำเนินการ

และอีกประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกตก็คือ วิธีการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านั้น ใช้ฐานข้อมูลบุคคล เพียงวันเดือน ปี เกิด เลขไอดีหลังบัตร ปชช. และเลขประจำบ้านในทะเบียนบ้าน แต่ไม่ได้มีการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า จึงอาจเป็นช่องว่างทำให้ใครเอาข้อมูลไปลงทะเบียนก็ได้คำพูดจาก นสล็อตออนไลน์

เบื้องต้นทั้งน.ส.วรัญญา และนายบุญมา ก็ได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว พร้อมอยากเรียกร้องให้ทาง กกต.ใหญ่ ตรวจสอบและคืนสิทธิเลือกตั้งกลับมาที่เดิม เพราะต้องการใช้สิทธิเลือกผู้แทนของตัวเอง

ก่อนหน้านี้ เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันที่ จังหวัดบุรีรัมย์มาก่อนแล้วโดยมีพนักงานห้างสรรพสินค้าคนหนึ่ง ร้องกับ กกต.ว่าลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกเขตมาที่จังหวัดบุรีรัมย์ ผ่านทางออนไลน์ แจ้งว่าขั้นตอนทั้งหมดสำเร็จแล้ว แต่พอตรวจสอบ ระบบกลับแจ้งให้ไปใช้สิทธิ์ที่บ้านเกิด จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งกรณีดังกล่าว กกต.ตรวจสอบแล้วว่ามีการลงทะเบียนจริง จึงแนะนำให้นำหลักฐานไปแจ้งเพิ่มชื่อที่หน่วยเลือกตั้งกลาง ก็สามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ตามปกติ.